สรุปประเด็นสำคัญการเตรียมสอบสภาฯ ของผู้สำเร็จการศึกษาที่เข้าสอบ ปีการศึกษา 2552
สรุปประเด็นสำคัญการเตรียมสอบสภาฯ ของผู้สำเร็จการศึกษาที่เข้าสอบ ปีการศึกษา 2552
1. เทคนิควิธีการเตรียมสอบฯ ที่เป็นประโยชน์
1.1 วิชาการพยาบาลอนามัยชุมชน
- การทำข้อสอบมากๆ อาจารย์เฉลยและตีความ โดยเฉพาะการหา keywords ในคำถาม เช่น การพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องนึกถึงการมีส่วนร่วมของ บ้าน วัด โรงเรียน
- การติวแบบ concept ในหัวข้อต่างๆ เช่น ระบาดวิทยา โดยอาจารย์ และการเลือกตอบอย่างมีหลักการ การตัดตัวเลือกที่ไม่ถูกออก
- การอ่านหนังสือตาม Blueprint ข้อสอบสภาฯ ที่อาจารย์แจกให้
1.2 การรักษาโรคเบื้องต้น – ข้อสอบวัดความรู้ความเข้าที่ไม่ลึกซึ้งมากนัก เป็นความรู้จากการเรียนและทฤษฎี และการฝึกปฏิบัติวิชาการรักษาโรคเบื้องต้น และวิชาการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ เนื้อหาที่ควรเพิ่มเติมให้มากขึ้น คือ การวิเคราะห์ผล lab ในโรคต่างๆ
1.3 วิชาการพยาบาลเด็ก ข้อสอบออกตาม Blueprint และตามที่อาจารย์ติวให้ อาจารย์วารุณีชี้ประเด็นสำคัญของโรคต่างๆในเด็ก และพัฒนาการในช่วงต่างๆของเด็ก การทำความเข้าใจเนื้อหาแบบเชื่อมโยง ช่วยให้มีหลักในการจำและทำข้อสอบได้
1.4 วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่
- ต้องใช้ความเข้าแบบ concept ตัดตัวเลือก เน้นการพยาบาล เช่น ให้ชื่อโรคมาและถามการพยาบาล
- เนื้อหาที่ควรเพิ่มเติม คือ นรีเวช และ ตา หู คอ จมูก
- วิธีการเตรียมสอบที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ การทำข้อสอบในชั้นเรียน อาจารย์เฉลยและอธิบายเหตุผล การจับกลุ่มติวกันเองที่หอพักทั้งนศ.หญิง และ นศ.ชายที่พักอยู่นอกวิทยาลัย การถกเถียงกัน ช่วยให้จำได้ดีขึ้น การอ่านเองโดยใช้สาระทบทวน (แต่มีเนื้อหาบางที่ไม่ถูกต้อง)โดยต้องอ่านหนังสืออื่นๆประกอบด้วย การอ่านทบทวนจากเอกสารประกอบการสอนที่เคยเรียนในรายวิชาการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ
1.5 การพยาบาลผู้สูงอายุ
- ข้อสอบมีส่วนที่วัดความจำ เช่น ทฤษฎีผู้สูงอายุ และวัดความเข้า/นำไปใช้ เช่น ถามเกี่ยวกับการพยาบาล
- การตอบข้อสอบควรใช้หลักการหรือ concept เช่น แนวทางการดูแลผู้สูงอายุมีหลักสำคัญที่การสนับสนุนให้ผู้สูงอายุช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด
- แนวคิดในการทำข้อสอบ ได้จากการทำข้อสอบมากๆ และการเฉลยและอธิบายของอาจารย์ โดยข้อสอบต้องมีความหลากหลาย เพื่อให้ครอบคบุมเนื้อหาและได้รู้รายละเอียดอย่างชัดเจน
- การทำข้อสอบเป็นกลุ่ม โดยมีผู้นำกลุ่ม ทำหน้าที่ดูแลควบคุมให้สมาชิกทำข้อสอบอย่างครบถ้วนและตั้งใจ อาจารย์ควรเป็นผู้เฉลย เพราะสามารถอธิบายข้อสงสัยให้นักศึกษาได้ ถ้านักศึกษาเฉลยกันเองก็จะรู้ได้แต่คำตอบว่าถูกหรือผิด แต่ส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่าอธิบายเหตุผลได้ถูกต้องหรือไม่
1.6 วิชาการผดุงครรภ์
– ต้องตั้งใจเรียนตั้งแต่เรียนวิชาการพยาบาลมารดาทารกฯ 1 และ 2 (ทั้งการพยาบาลสูติศาสตร์ที่ปกติและผิดปกติ)
– ต้องเข้าใจและจำกลไกการคลอดแต่ระยะ รวมทั้งกายวิภาคและสรีระฯ ระบบสืบพันธุ์ได้
– ข้อสอบเน้นความเข้าใจและการนำไปใช้ โจทย์ยาว ใช้เวลามากเพื่อทำความเข้าใจ
– ควรอ่านสาระทบทวนตั้งแต่ต้น จนจบ หรือสรุปเองก็ได้ ถ้าสามารถทำได้
– ควรสอนการอ่านและทำความเข้าใจโจทย์ การตีความโจทย์ จับประเด็นให้ได้ว่าโจทย์ถามอะไร โดยการฝึกทำจากโจทย์ข้อสอบจริง ถ้าฝึกทำมากๆ จะสามารถหาคำที่ชี้แนะคำตอบในโจทย์ได้
– ควรแยกนักศึกษากลุ่มเก่งกับกลุ่มอ่อนในการติวเป็นบางช่วง เพราะนักศึกษากลุ่มอ่อนไม่กล้าถามและตามไม่ค่อยทัน ทำให้บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไร
1.7 การพยาบาลมารดาและทารก
– ข้อสอบยากมาก ต้องใช้ความจำตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางสรีระของการตั้งครรภ์ ในแต่ละไตรมาส
– ควรอ่านสาระทบทวนให้จบอย่างน้อย 1 รอบ หรืออ่านเอกสารประกอบการสอนที่เรียนในห้องเรียนตั้งแต่แรก
1.8 สุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชศาสตร์
– ถ้าทบทวนหลายๆครั้งและทำข้อสอบหลายๆรอบ จะครอบคลุมเนื้อหาของวิชานี้
– การเรียนภาคปฏิบัติ และconference ช่วยให้เข้าใจเนื้อได้มากขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อการสอบ
– การสอบซ่อมวิชาทฤษฎีและ progress test ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เป็นประโยชน์
– การแยกนักศึกษากลุ่มเก่งกับกลุ่มอ่อนในการติวเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะนักศึกษากลุ่มอ่อนไม่กล้าถามและตามไม่ค่อยทัน ทำให้บางครั้งก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไร
– การแบ่งกลุ่มย่อยไม่ควรมีนักศึกษาเกิน 20 คนต่อกลุ่ม
1.9 กฎหมายฯ
– ข้อสอบ 20 ข้อแรก เป็นการวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย ต้องใช้หลักกฎหมายในการตอบ โดยใช้ความจำและจับประเด็นโจทย์ให้ได้ ว่าต้องการวัดข้อกฎหมายใด
– อ่านและทบทวนข้อกฎหมายที่เรียนก่อนที่จะติว โดยอ่านจากเอกสารที่เรียนในชั้นเรียน เช่น พรบ วิชาชีพ และข้อกฎหมายทั่วไป
– ข้อสอบ 20 ข้อหลัง เป็นการวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลทางจริธรรม ใช้ความรู้ทางจริยศาสตร์ ในการตอบ ควรจำเนื้อหาให้ได้ ใช้เหตุผลทางจริยธรรมในการตอบ โดยพิจารณาตัวเลือกให้รอบคอบ ต้องพิจารณาคำที่เป็น guide ในการตอบ และต้องใช้การตีความ การเฉลยข้อสอบ หรือ discuss กันเองของนักศึกษาในระหว่าดูหนังสือ ช่วยให้จำเนื้อหาได้มากขึ้น
สำหรับวิชานี้ มีนักศึกษาสอบไม่ผ่านเป็นจำนวนมากกว่าวิชาอื่นซึ่งนักศึกษาบางคนมีผลการเรียนดีมาก และตั้งใจดูหนังสือ น่าจะเป็นเพราะเครียดเกินไป ไม่พิจารณาโจทย์และตัวเลือกอย่างรอบคอบ หรือไม่แยกการใช้หลักการทางกฎหมาย หรือจริยธรรมตอบข้อสอบ ซึ่งมีความแตกต่างกัน (กฎหมายต้องใช้หลักการที่ตรง (ค่อนข้างใจร้าย) จริยศาสตร์ต้องใช้เหตุผลแบบใจดี)
เทคนิคการทำข้อสอบ
– ถ้าตอบไม่ได้ ให้เดาตอบไปเลย ไม่ต้อเว้นไว้ เพราะมักไม่มีเวลากลับมาอ่านอีก หรือสุดท้ายก็ต้องเดาอยู่ดี นอกจากนั้นถ้าเว้นไว้ อาจทำให้ ทำข้อสอบหลงข้อได้
– ต้องมีวิธีควบคุมความเครียด ก่อนทำข้อสอบ ขณะทำข้อสอบ และหลังทำข้อสอบ แต่ละวิชา เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการทำข้อสอบในวิชาต่อมา ไม่ต้องกังวลกับวิชาที่ทำไปแล้ว ต้องมีสมาธิขณะทำข้อสอบ มีเวลาน้อย ถ้ากังวลจะทำข้อสอบได้ช้า และต้องอ่านซ้ำหลายครั้ง
ข้อเสนอแนะ
– วิทยาลัยควรมีมาตรการกดดันนักศึกษาให้มีประสบการณ์ในการทำข้อสอบภายใต้ความรู้สึกกดดันบ้าง เช่น ถ้าสอบไม่ผ่านข้อสอบเครือข่าย หรือข้อสอบ ม.บูรพา จะต้อง…. (ที่มีผลกระทบต่อตัวนักศึกษาที่สอบไม่ผ่าน)
– ตลอดการเตรียมตัวสอบ นักศึกษามักจะบ่นว่าหนัก เหนื่อย แต่อาจารย์ก็ไม่ควรปล่อยให้นักศึกษาอ่านหนังสือเอง เพราะอ่านได้น้อย ใช้เวลาไม่คุ้มค่า นักศึกษาจะซาบซึ้งเองเมื่อต้องไปสอบจริง และเข้าใจว่าทำไมอาจารย์จึงต้องบังคับ
– ในการอ่านหนังสือ/ทบทวนเอง นักศึกษาอาจใช้ mind mapping ในการสรุปเนื้อหา
– ในการทบทวน ถ้าให้นักศึกษาอ่านเอง ควรให้ส่งสรุปประเด็นสำคัญ ให้อาจารย์ตรวจสอบ เพราะถ้าไม่กำหนดให้ทำ หรืออาจารย์ไม่ตรวจนักศึกษาก็จะไม่ทำ หรือไม่ตั้งใจทำ
– เอกสารประกอบการสอน ควรมีรายละเอียด ซึ่งนักศึกษาสามารถ นำมาอ่านทบทวนได้เมื่อเตรียมสอบสภาฯ
– เนื้อหาบางอย่างควร update โดยเฉพาะการปฏิบัติ เช่น การทำแผล การตรวจพิเศษ การบันทึกทางการพยาบาล และ NI
ผู้ให้ข้อมูล: ผู้สำเร็จการศึกษาปีการศึกษา 2552 จำนวน 7 คน
ผู้จดบันทึก: อาจารย์มัณฑนา เหมชะญาติ
19 เมษายน 2553