คู่มือการต่อโน็ตบุ๊คกับโปรเจคเตอร์

การเชื่อมต่อกับ Projector

1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่าง บนหน้าจอ

2. เลือก Properties

3. เลือก setting

                ปกติ มีภาพปรากฎรูปจอ 2 หน้าจอ ก็สามารถใช้  Fn+F5 ได้ ดังรูปที่ 1

  

ถ้าไม่สามารถใช้  Fn+F5 ได้ ให้ปฏิบัติดังนี้

3.1 คลิกที่ Advanced ปรากฎรูปที่ 2

 

3.2 คลิกที่ไดร์เวอร์ของการ์ดจอ (ในกรณีลงแบบสมบูรณ์ ) ถ้าไม่มีกรุณาหาใส่ด้วยครับ เช่น การ์ดจอ ATI   และเลือก ปุ่ม ATI CATALYST(R) Control Center ปรากฎรูปที่ 3

3.3 เลือกเมนู Displays Manager เลือกปุ่ม Wizard ปรากฎรูปที่  4

3.4 เลือก Notebook Panal  และ Analog Monitor และ Windows desktop เลือกปุ่ม Next  ปรากฎรูปที่  5

3.5 เลือก Clone (Presentation) Mode เลือกปุ่ม Next  ปรากฎรูปที่  6

3.6 เลือก Apply  กดปุ่ม Ok  และปุ่ม Finish ปรากฎรูปที่  7

3.7 เลือก Ok  และปุ่ม Ok อีกครั้ง จะได้การติดต่อเชื่อมโยงกับโปรเจคเตอร์ได้ ถ้ายังไม่ให้ให้ใช้ Fn+F5 ร่วมด้วย

หมายเหตุ แต่ละไดร์เวอร์การ์ดจอ การติดตั้งจะคล้ายกัน

Story Telling by Pictures : Show and Share สุขภาพดี..ชีวีมีสุข ห่างไกลภาวะน้ำหนักตัวเกิน

รวมภาพประทับใจ เมื่อนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 2  จัดทำโครงการสุขภาพดี..ชีวีมีสุข ห่างไกลภาวะน้ำหนักตัวเกิน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2553

โครงการนักศึกษาปีที่ 2

ป้ายโครงการเดินชักชวน เข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษา

อาจารย์และนักศึกษา ร่วมกันตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำ

บรรยากาศการตรวจสุขภาพของประชาชนผู้มารับบริการ

อาจารย์ตรวจการทำงานของนักศึกษาอย่างละเอียด

นักศึกษาสงสัยซักถามอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการฯ

ตรวจดูการวัดความสูงของนักศึกษา

ดูการลงในแบบรายงานของนักศึกษา

อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมดำเนินการโครงการฯกับนักศึกษา

ดูการชั่งน้ำหนักของนักศึกษา

ดูการทำงานของนักศึกษา

เก็บภาพปิดโครงการฯ

เฮฮา….หายเหนื่อยกันแล้ว…………

Tags: , , ,

เทคนิคการใช้แป้นพิมพ์ลัดในการพิมพ์งาน

การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานในปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ที่มีระเบียบแบบแผน เช่น เอกสารราชการ เอกสารงานวิชาการ เป็นต้น ซึ่งการพิมพ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกพิมพ์โดยโปรแกรมของ Microsoft โดยเฉพาะ Microsoft Word 2003 วันนี้จึงขอเสนอเทคนิคการใช้โปรแกรมที่ทุกท่านใช้บ่อย ๆ คือ การใช้แป้นพิมพ์ลัด

  1. Ctrl + O เปิดเอกสาร .doc ที่มีอยู่ในเครื่อง
  2. Ctrl + S ใช้บักทึกเอกสารที่กำลังพิมพ์
  3. Ctrl + P ใช้ print เอกสารที่กำลังพิมพ์ เมื่อกดจะขึ้นหน้าต่าง สำหรับเลือกการพิมพ์
  4. Ctrl + Z ใช้ในการ Undo กลับเมื่อพิมพ์เอกสารพลาด ใช้สัญลักษณ์แทน
  5. Ctrl + Y ใช้ในการ Repeat เอกสารที่กำลังพิมพ์อยู่
  6. Ctrl + A ใช้เลือกข้อความในเอกสารทั้งหมดที่กำลังพิมพ์
  7. Ctrl + C ใช้ในการคัดลอกเอกสารนั้นหลังจาก Select แล้ว
  8. Ctrl + V ใช้ในการวางเอกสารเมื่อคัดลอกเสร็จ
  9. Ctrl + X ใช้ในการลบหรือตัดส่วนของเอกสารที่เลือก
  10. Ctrl + B ใช้ทำตัวอักษรหนา
  11. Ctrl + I  ทำอักษรเอียง
  12. Ctrl + U ขีดเส้นใต้ตัวอักษร
  13. Ctrl + L จัดเอกสารชิดซ้าย
  14. Ctrl + E จัดเอกสารชิดขวา
  15. Ctrl + R จัดเอกสารชิดขวา
  16. Ctrl + ช ตัวห้อย
  17. Ctrl + shift + ช ตัวยก
  18. Ctrl + บ เป็นการลดขนาดให้กับตัวอักษร
  19. Ctrl + ล เป็นการเพิ่มขนาดให้กับตัวอักษร
  20. Ctrl + D ใช้ Text effect ให้กับตัวอักษร
  21. Ctrl + F ใช้ในการค้นหาและแทนที่คำในเอกสาร
  22. Ctrl + J เป็นการ Justify ตัวอักษรให้หน้าหลังเท่ากันซึ่งต่างจากการกระจายตัวอักษร
  23. Ctrl + K เป็นการทำ link ให้กับเอกสารไปยังเอกสารอื่นหรือหน้าเว็บเพจ
  24. Ctrl + N เป็นการเปิดเอกสารหน้าต่างใหม่
  25. Alt + F4 ออกจากเอกสาร

สำหรับเทคนิคแป้นพิมพ์ลัดที่นำมาฝากในครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จำเป็นในการพิมพ์ยังมีแป้นพิมพ์ลัดอีกหลายอย่างที่มีใน Microsoft Word 2003 โปรดติดตามการจัดการความรู้เกี่ยวกับการพิมพ์งานเอกสารได้ในครั้งต่อไปเรื่อง ทำอย่างไร .pdf ถึงกลายเป็น .doc *

*หมายเหตุ ในเครื่องคอมพิวเตอร์บางเครื่องไม่สามารถทำได้เนื่องจากแป้นพิมพ์ลัดนี้ถูกตั้งเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับโปรแกรมหากโปรแกรมในเครื่องใดถูกเปลี่ยนแปลงอาจไม่สามารถใช้ได้ตามนี้

ถอดการเรียนรู้จาก “โครงการก้าวใหม่ในชีวิต”

ถอดการเรียนรู้จากสิ่งที่ได้จากโครงการบริการวิชาการแก่สังคม “โครงการก้าวใหม่ในชีวิต”

ให้แก่เด็กและเยาวชนของสถานพินิจ จังหวัดจันทบุรี วันที่ 20 มกราคม  2553

เพื่อนำมาใช้พัฒนาการเรียนการสอนวิชา พย.1205  การสอนและการให้คำปรึกษาทางสุขภาพ

หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 2  ปีการศึกษา  2553

ประธาน                อ.โสภิณสิริ           ยุทธวิสุทธิ

เลขานุการ             อ.วราภรณ์            จรเจริญ

กรรมการ               อ.อรัญญา              บุญธรรม

อ.ลลนา                 ประทุม

อ.มงคล                 ส่องสว่างธรรม

1. การจัดโครงการก้าวใหม่ในชีวิต ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักศึกษาเช่นไรในการเรียนการให้การปรึกษา และก่อให้เกิดการพัฒนาตนเองแก่นักศึกษาอย่างไรบ้าง

ทำให้นักศึกษามีความเข้าใจในศาสตร์การให้การปรึกษามากขึ้น เห็นประโยชน์ของการให้การปรึกษาว่าทำให้เด็กและเยาวชนในสถานพินิจได้เข้าใจตัวเอง มีเป้าหมายในชีวิตมากขึ้น รับรู้และเข้าใจในกิจกรรมต่างๆ ที่ตนเองได้รับการฝึกในชั่วโมง Lab CSN  มากยิ่งขึ้นว่าแต่ละกิจกรรมมีวัตถุประสงค์เช่นไร เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองอย่างไร ซึ่งในขณะที่ฝึก Lab CSN  ยังมองไม่เห็นว่าทำไปทำไม เกี่ยวเนื่องกับการให้การปรึกษาเช่นไร เมื่อนำสิ่งที่เรียนมาจัดกิจกรรมให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานพินิจแล้วทำให้เข้าใจมาก และเห็นประโยชน์ในกิจกรรมนั้น ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาตนเองให้ดีมากยิ่งขึ้น

2. กิจกรรมใดบ้างที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักศึกษาในการให้การปรึกษา เพราะเหตุใด

1. พลังที่เข้มแข็งและสร้างสรรค์ในตนเอง กิจกรรมนี้นักศึกษาประเมินว่าทำให้เด็กและเยาวชนของสถานพินิจมีมุมใหม่ๆ ที่มองเห็นข้อดีของตนเอง  ซึ่งแต่เดิมเขาไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตนเองมีข้อดีอะไรบ้าง เห็นแต่ด้านลบของตนเอง  กิจกรรมนี้ทำให้เขาเห็นคุณค่าและศักยภาพของตนเอง  ทำให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้อุปสรรคและกลับตัวเป็นคนดีในภายภาคหน้า (คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น กับกลุ่มเป้าหมาย  เห็นคุณค่าตนเอง = ร้อยละ 92.86 ในระดับมากที่สุด)

2. เป้าหมายชีวิต ทำให้เด็กและเยาวชนของสถานพินิจมีมุมคิดของตนในอนาคต  มีแนวทางที่จะเดินให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้  มีความสุขที่ได้คิด  สร้างกำลังใจที่จะทำในสิ่งที่ดีให้กับตนเองและครอบครัว ได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้นักศึกษาได้รับรู้ (คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย  มีเป้าหมายในชีวิต = ร้อยละ 94.64 ในระดับมากที่สุด)

3. คำมั่นสัญญา เป็นกิจกรรมที่หล่อหลอมความคิดความรู้สึกของเด็กและเยาวชนของสถานพินิจให้ตระหนักถึงพระคุณของบิดา  มารดาและผู้ที่มีพระคุณแก่เรา รับรู้ถึงความรัก ความห่วงที่ตนเองได้รับ  ทำให้ปรับมุมคิดใหม่  เกิดกำลังใจที่จะทำความดีเพื่อท่าน  คำสัญญาที่เกิดขึ้นจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับน้องในสถานพินิจได้ดี (คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย      มีความรู้สึกต่อตนเองและผู้อื่น = ร้อยละ 89.28 ในระดับมากที่สุด)

4. เพลงสื่อใจ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้เพลงเป็นสื่อ  เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นมาก เพราะเด็กๆ ได้วิเคราะห์เนื้อหาของแต่ละเพลง ทำให้ได้คิด เกิดกำลังใจ ที่จะก้าวต่อไปตามสิ่งที่วิเคราะห์ในเนื้อหานั้น มีความสุข คลายความเครียด (คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย มีความสุข คลายความเครียด = ร้อยละ 96.43 ในระดับมากที่สุด)  นอกจากนี้กิจกรรมนี้ยังทำให้เกิดผลสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนๆ ด้วย คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย มีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน = ร้อยละ 75.00 ในระดับมากที่สุด

3. ลักษณะการจัดกิจกรรม ทั้งรูปแบบ วิธีการ บรรยากาศ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของกลุ่มเด็กและเยาวชนที่สามารถนำมาปรับเปลี่ยนใช้ในการเรียนการสอนของนักศึกษาได้ดี

1. ใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมกลุ่มและสรุปการเรียนรู้ในช่วงสิ้นสุดกิจกรรมนั้น

2. สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง ผ่อนคลาย ครูมีส่วนร่วมในแต่ละกิจกรรมด้วย

3. ช่วงแรกในการทำกลุ่มควรเริ่มด้วยกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ก่อน เพื่อให้นักศึกษาและผู้สอนเกิดความคุ้นเคยกัน เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน

4. กิจกรรมใดบ้างที่เกิดประโยชน์ต่อนักศึกษาในการนำไปปรับใช้ในการจัดทำรายวิชาการสอนและการให้การปรึกษาทางสุขภาพ ปีการศึกษา  2553 ต่อไป

1. เป้าหมายชีวิต

2. พลังที่เข้มแข็งและสร้างสรรค์ตนเอง

3. การเรียนรู้ควรรู้สึกผ่านการวิเคราะห์เนื้อหาในเพลงที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียน

4. กิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนได้เข้าใจในความรู้สึก โดยเฉพาะความรู้สึกถึงความรักของผู้ที่มีพระคุณพลังที่เข้มแข็งและสร้างสรรค์ในตนเอง

5. องค์ความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำ KM ในครั้งนี้

1. การบูรณาการ  การให้บริการวิชาการแก่สังคมกับการจัดการเรียนการสอน  จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับนักศึกษา เพราะทำให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรงจากการนำความรู้ ที่ได้จากการเรียนการให้การปรึกษาไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาด้านจิตใจ โดยใช้ความรู้สึกจากทฤษฎีและการฝึกภาคทดลอง ไปปฏิบัติจริง โดยนำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้เรียนในภาคทดลองไปประยุกต์ใช้  จากการสอบถามและการประเมินผลการเรียนการสอนในวิชานี้  นักศึกษาทั้งชั้นให้ความเห็นตรงกันว่า การทำโครงการเช่นนี้ทำให้นักศึกษาทั้งชั้นให้ความเห็นตรงกันว่า การทำโครงการเช่นนี้ทำให้นักศึกษาเห็นประโยชน์และเข้าใจศาสตร์ของการให้คำปรึกษาสุขภาพ  เข้าใจในสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ความคิดความรู้สึก  ของผู้อื่นมากขึ้น

2. การจะทำบูรณาการรายวิชาได้ อาจารย์ต้องผ่านประสบการณ์การจัดโครงการ การให้คำปรึกษาเช่นนี้มาแล้ว เข้าใจบริบทของกลุ่มเป้าหมาย เข้าใจกิจกรรมที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิด         self-awareness  และเปลี่ยนแปลงความคิด  ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่อไป  เข้าใจในการใช้กิจกรรมมาบำบัด และการคัดเลือกกิจกรรมมาปรับใช้ในการเรียนการสอนในชั่วโมงภาคทดลอง           ให้นักเรียนเกิดการตระหนักรู้ตนเอง ก่อนที่จะเข้าใจผู้อื่น ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการให้คำปรึกษา

3. การเตรียมความพร้อมให้อาจารย์ผู้สอนแต่ละคนเข้าใจ concept ของกิจกรรมที่นำไปสอนในภาคทดลองให้แก่ผู้เรียน ต้องทำความเข้าใจตั้งแต่การเรียน  แผนการสอน  การเตรียมอาจารย์ก่อนสอน  และการประเมินผลหลังสิ้นสุดการสอนในแต่ละกิจกรรมที่อาจารย์จะนำสิ่งที่ได้สอนและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นของผู้เรียนมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาผู้เรียนให้ก้าวหน้าทันกันใน ทุกกลุ่ม

4. การเตรียมกิจกรรมในโครงการที่มอบหมายให้ผู้เรียนจัดให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานพินิจ ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการเรียนรู้ที่จะประเมินผลผู้เรียน  ต้องมีการเตรียมความพร้อมมากในแต่ละกลุ่ม อาจารย์ที่ปรึกษาต้องจูน concept  ของแต่ละกิจกรรมให้ต่อเนื่องไม่ขัดต่ออารมณ์ความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมาย การเตรียมความพร้อมของนักศึกษาที่จะจัดกิจกรรมให้กลุ่มเป้าหมายมีผลสำคัญมาก เพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ของนักศึกษา ซึ่งอาจทำให้เขาทดลองความมั่นใจ และไม่กล้าทำ CSN      ต้องปรับทัศนคติให้นักศึกษา มีความสุขที่จะหยิบยืมโอกาสที่ดีให้แก่น้องๆ ที่ขาดโอกาสเป็นตัวแทนของสังคมที่จะทำให้น้องๆ ในสถานพินิจรู้สึกมีพลังในการก้าวสู่ชีวิตใหม่ เปิดมุมมองใหม่แก่คนเป็นเรื่องยากมาก แต่เมื่อทำได้ นักศึกษาจะมีพลังที่จะทุ่มเทกำลังกายกำลังใจที่จะสร้างสรรค์งานได้อย่างดี  พลังที่เกิดขึ้นในวันจัดกิจกรรม นักศึกษาบอกว่า เขารู้สึกว่าอาจารย์ไม่ทอดทิ้งให้เขาทำกิจกรรมอยู่คนเดียว  เขารู้ว่าอาจารย์จะคอยช่วยเหลือเขาในยามที่กิจกรรมสะดุด รอยยิ้ม กำลังใจจากอาจารย์ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าเขาทำได้ และสิ่งสำคัญที่ทำให้งานประสบความสำเร็จคือ การเตรียมตัวในแต่ละกลุ่ม แต่ละกิจกรรมที่มีอาจารย์เป็นผู้สอนและคอยให้การปรึกษาอยู่ตลอดเวลา

Tags:

[วิชากฏหมาย] การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคณาจารย์เพื่อเตรียมนักศึกษาสอบขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพฯ ปีการศึกษา 2552-2553

วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคณาจารย์เพื่อเตรียมนักศึกษาสอบขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพฯ

ปีการศึกษา 2552-2553

ภาควิชาการพยาบาลเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

วิชากฏหมาย

********************************************************************

1. ท่านมีวิธีการดึงความสนใจ หรือกระตุ้นนักศึกษาก่อนและระหว่างการสอนเนื้อหาวิชาดังนี้

- ชี้แจงความสำคัญของการเรียนวิชานี้ เพื่อสอบขอขึ้นทะเบียน

- ยกสถานการณ์จริงเล่าให้ฟัง นำมาใช้เป็นตัวอย่างการวิเคราะห์ อภิปราย

2. ท่านใช้วิธีการและเทคนิคการสอนที่ช่วยให้นักศึกษาเกิดความรู้ความเข้าใจ หรือจดจำเนื้อหาวิชาได้มากขึ้น ดังนี้

- ติดตามคำทีละคำ ทีละประโยค และยกตัวอย่างประกอบ

- เปรียบเทียบ case และโยงความสอดคล้องกับทฤษฎีเนื้อหาส่วนที่เกี่ยวข้อง

- ยกตัวอย่างใกล้ตัวเปรียบเทียบกับสถานการณ์พบ ward

3. ท่านมีวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ในห้องเรียนที่มีนักศึกษาจำนวนมาก(100 คน) ดังนี้

- สุ่มถาม

- แบ่งกลุ่มตอบคำถาม

- Post test

4. ท่านคิดว่าการเตรียมนักศึกษาเพื่อการสอบฯ อย่างมีประสิทธิภาพควรเป็นดังนี้

- ให้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่ถูกต้องตรงประเด็น การมีผู้สอนที่เชี่ยวชาญในหัวข้อที่สอนและมีประสบการณ์สอนในหัวข้อเดิมมากกว่า 2 ปี (ควรมีผู้สอนในหัวข้อเดิม เป็นคนเดิมมากกว่า 2 ปี เมื่อเริ่มสอนแล้วให้สอนต่อไปอีก ไม่ควรเปลี่ยนบ่อย ๆ) จะทำให้อธิบาย ชี้แจงในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสภาพแก่นักศึกษาได้มาก ช่วยให้ฐานควารู้ดี

5. ท่านได้รับรู้/รับฟัง/เรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมนักศึกษาเพื่อสอบฯ จากบุคคลอื่นทั้งภายในและภายนอกวิทยาลัยซึ่งท่านเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ มีประเด็นดังนี้

- ไม่อนุญาตให้ออกนอกวิทยาลัย ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน เก็บตัวติวเข้มและให้ตั้งคำถาม หรือหาประเด็นที่ไม่เข้าใจมาถามอาจารย์
6. ในปีการศึกษา 2554 ซึ่งมีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ประมาณ 280 คน ท่านเห็นว่าวิทยาลัยและอาจารย์ผู้รับผิดชอบควรเตรียมนักศึกษาสำหรับการสอบฯ อย่างไร

- จัดให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนเสาร์-อาทิตย์ ในวิชาเฉพาะที่ต้องสอบสภา ตามเวลาที่จัดได้ตั้งแต่เทอม 1 เพื่อให้นักศึกษาเห็นคุณค่าของการมาเรียน(ติว)

- มีช่วงเวลาติวเข้มไม่ให้ออกจากวิทยาลัยและจัดหาอาหารให้นักศึกษารับประทานสะดวก

7. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของท่านสำหรับการจัดการความรู้เพื่อเตรียมนักศึกษาสอบฯ

- จัดแยกกลุ่มนักศึกษา กลุ่มเก่ง กลุ่มอ่อน ให้แยกเตรียมฯ ในประเด็นเดียวกัน คนละเวลา และให้รุ่นปี 4 ที่เคยสอบผ่านมาแล้ว(ศิษย์เก่าที่เพิ่งจบ) มาช่วยติวการสอบแต่ละวิชา ประมาณ 2 ชั่วโมง/วิชา

ผู้รวบรวมข้อมูล

จริยาพร วรรณโชติ