โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและวิชาการร่วมกับแหล่งฝึก ระหว่างวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรีและกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า ครั้งที่ ๔
โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและวิชาการร่วมกับแหล่งฝึก
ระหว่างวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรีและกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า
ครั้งที่ 4 วันที่ 27 เมษายน 2555 เวลา 13.30-16.00 น.
ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
เรื่อง การดูแลเด็กที่มีภาวะตัวเหลือง
วิทยากร แพทย์หญิงยิ่งดาว ชยสิกานนท์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า
คุณสมควร สุขสัมพันธ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ตึกสูติกรรม 4 โรงพยาบาลพระปกเกล้า
ผู้เข้าร่วมประชุม จากวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี จำนวน 37 คน
จากโรงพยาบาลพระปกเกล้า ๑4 คน
รวมผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 23 คน
สรุปสาระการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
สรุปประเด็นสำคัญจากการนำเสนอของวิทยากร
ภาวะตัวเหลืองเป็นปัญหาที่พบบ่อยในทารกแรกเกิด สาเหตุเกิดจาก Physiological jaundice และPathological jaundice ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้ทารกสมองพิการถาวรได้ หอผู้ป่วยสูติกรรม 4 จะเริ่มตรวจหาค่าบิลิรูบินเมื่อพบทารกตัวเหลือง หรือเมื่ออายุครบ 2 วัน โดยเจาะพร้อมคัดกรองหาภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน ทารกที่มีค่าบิลิรูบินเกินเกณฑ์จะได้รับการรักษาด้วยการส่องไฟจนระดับบิลิรูบินอยู่ในเกณฑ์ปกติก็จะหยุดส่องไฟแต่ยังไม่จำหน่าย หลังหยุดส่องไฟ 24 ชั่วโมง จะหาค่าบิลิรูบิเพื่อตรวจสอบภาวะตัวเหลืองกลับซ้ำ ทั้งนี้พบปัญหาผู้ปกครองบางรายไม่ยินยอม ปัญหาเพิ่มค่าใช้จ่ายเพิ่มอัตราครองเตียงเพราะทารกต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานขึ้น จึงได้ทำการศึกษาปัจจัยทำนายตัวเหลืองกลับซ้ำในทารกแรกเกิดหลังหยุดส่องไฟ 24 ชั่วโมง โดยทำวิจัยเชิงวิเคราะห์ case control study ศึกษาทารกแรกเกิดที่มีภาวะตัวเหลืองและได้รับการรักษาด้วยการส่องไฟในหอผู้ป่วยสูติกรรม 4 ตั้งแต่ ก.ค.52- พค.54 จำนวน 908 ราย วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ Chis-quare เปรียบเทียบอัตราส่วนความเสี่ยง(Odd ratio) ของปัจจัยทำนายที่ทำให้เกิดภาวะตัวเหลืองซ้ำด้วยการประมาณค่าขอบเขตของความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ผลการศึกษาพบว่าทารกเพศชายมีโอกาสเสี่ยงต่อการเหลืองซ้ำมากกว่าเพศหญิง 2:1 เท่า (95% CI 1.03-4.48) ทารกที่มีสาเหตุการเหลืองจาก G-6-PD มีโอกาสตัวเหลืองซ้ำมากกว่าทารกปกติ ทารกที่มีสาเหตุการเหลืองจาก ABO incompatability ทารกกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเหลืองซ้ำคือทารกที่มีสาเหตุการเหลืองจาก Pathological jaundice ที่ทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ส่วนทารกที่มีน้ำหนักมากกว่า 2,500 กรัม และทารกที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 2,500 กรัม ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโอกาสเหลืองซ้ำ การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ เมื่อพบทารกกลุ่มเสี่ยงควรได้รับการประเมินอาการซ้ำหลังหยุดส่องไฟ 24 ชั่วโมง และได้รับการเฝ้าระวังอยู่ในโรงพยาบาลต่อ ไม่ควรจำหน่ายทารกเพราะมีโอกาสตัวเหลืองกลับซ้ำสูงมาก นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาจำหน่ายทารกกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยได้เร็วขึ้น เพื่อช่วยลดจำนวนวันนอน ลดอัตราครองเตียงและลดค่าใช้จ่าย เมื่อนำผลการวิจัยนี้ลงสู่การปฏิบัติในหน่วยงานเป็นเวลา 9 เดือน สามารถจำหน่ายทารกกลุ่มเสี่ยงน้อยได้เร็วขึ้น มารดามีความพึงพอใจกลับบ้านได้เร็วขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลได้
สรุปประเด็นสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- การได้รับน้ำนมไม่เพียงพอช่วงแรกในทารก ทำให้ทารกเหลืองได้ เพราะน้ำนมมารดาไหลช้าหรือไหลไม่เพียงพอในช่วงแรก จึงควรพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้ด้วยเพราะอาจทำให้มารดายิ่งวิตกกังวลเรื่องบุตรตัวเหลืองทำให้เกิดความเครียดและน้ำนมไม่ไหลหรือไหลช้าได้
- การนำไปใช้ควรเน้นประสิทธิภาพของบุคลากรในการประเมินการไหลของน้ำนมและการได้รับน้ำนมของทารก เพราะภาวะเหลืองส่วนใหญ่เกิดจากจากการได้รับน้ำนมไม่เพียงพอ
- สำหรับงานวิจัยที่ได้กล่าวถึงข้างต้นนี้ควรมีการวิเคราะห์ทางสถิติเพิ่มเติมเพื่อใช้ประโยชน์จากงานวิจัยได้ครอบคลุมมากขึ้น
แนวทางการนำผลการประชุมไปใช้จากการประชุมครั้งนี้
1. ในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการดูแลทารกตัวเหลือง ควรมีการนำผลวิจัยไปประยุกต์ใช้ และมีการปรับใช้ให้เหมาะสมเมื่อฝึกปฏิบัติงานจริง
2. ทีมสุขภาพที่ดูแลทารกที่มีภาวะตัวเหลืองเน้นการป้องกันภาวะตัวเหลืองเป็นหลัก และมีการรับฟังความรู้สึก/ความคิดเห็นของมารดาหรือผู้ดูแลทารกเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดจนเกินไป
อาจารย์จริยาพร วรรณโชติ
อาจารย์ทิพวรรณ ลิ้มประไพพงษ์
ผู้บันทึกการประชุม