การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจเรื้อรังด้วยทีมสหสาขา
โครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัยและวิชาการร่วมกับแหล่งฝึก
ระหว่างวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรีและกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า
ครั้งที่ 6 วันที่ 20 มิถุนายน 2554 เวลา 13.30-16.00 น.
ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
เรื่อง การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจเรื้อรังด้วยทีมสหสาขา
วิทยากร
แพทย์หญิงสินทรา ผู้มีธรรม กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ
คุณยุบล ศรีสังข์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ทางด้านการพยาบาลผู้ป่วยเด็ก
คุณสมฤดี เลิศงามมงคลกุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ทางด้านการพยาบาลผู้ป่วยเด็ก
ผู้เข้าร่วมประชุม
จากวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี จำนวน 24 คน
จากโรงพยาบาลพระปกเกล้า 9 คน
รวมผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 33 คน
สรุปสาระการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
สรุปประเด็นสำคัญจากการนำเสนอของ แพทย์หญิงสินทรา ผู้มีธรรม
ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเด็กจำนวนไม่น้อยที่มีโรคเรื้อรังทางระบบหายใจจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือ และเทคโนโลยีในการบำบัดรักษาทางระบบหายใจอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เมื่อไม่มีผู้ดูแลที่บ้านจึงจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อดื้อยาที่รุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้น สมาชิกในครอบครัวจึงวิตกกังวล เด็กขาดความใกล้ชิดพ่อและแม่ ขาดการกระตุ้นพัฒนาการ ขาดความผูกพันในครอบครัว ขาดความมั่นใจในตนเอง เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาครอบครัวและสังคมต่อไปได้ ปัญหาเหล่านี้จะลดได้ ถ้ามีการส่งเสริมผู้ป่วยและครอบครัวให้มีความสามารถกลับไปดูแลต่อที่บ้านได้อย่างปลอดภัย ทางกลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระปกเกล้า จึงได้ดำเนินการโครงการบริบาลผู้ป่วยเด็กทางระบบหายใจที่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
2. ลดอัตราการเจ็บป่วยจากโรคที่เป็นอยู่
3. ทำให้โรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ไม่ทรุดลงกว่าเดิม
4. ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง
5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาของโรงพยาบาล
กลุ่มเป้าหมาย คือเด็กที่ต้องใช้ออกซิเจน ต้องบำบัดรักษาด้วยฝอยละออง เจาะคอ ต้องใช้เครื่องดูดเสมหะ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน
ทีมงานที่รับผิดชอบในการดำเนินโครงการคือ แพทย์หญิงสินทรา ผู้มีธรรม และพยาบาล 1 คน จากทุกหอผู้ป่วยในแผนเด็ก โดยมีขั้นตอนการทำงานดังนี้
1. คัดเลือกผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยพยาบาลและแพทย์หญิงสินทรา
2. ร่วมประชุมทีมสหสาขาโดยใช้หลัก C3THER
3. พยาบาลฝึกผู้ดูแล ถ้าผู้ป่วยกลับไปอยู่ที่บ้าน โดยพยายามฝึกให้มีผู้ดูแลหลักอย่างน้อย 2 คน และเน้นให้มีการสาธิตให้ดูว่าสามารถปฏิบัติได้จริง มีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมเพื่อให้ผู้ดูแลกล้าสอบถามข้อสงสัย สอนให้ผู้ดูแลสังเกตอาการผิดปกติด้วยตนเองได้ และมีเอกสารการดูแลผู้ป่วยเพื่อให้สามารถทบทวนด้วยตนเองได้
4. ทีมแนะนำว่าควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง และให้ครอบครัวตัดสินใจว่าจะยืมหรือซื้ออุปกรณ์ โดยโครงการมีอุปกรณ์ให้เช่ายืม เช่น เครื่องดูดเสมหะ ถังออกซิเจน หัวออกซิเจน (เคยให้ใช้ฟรีแต่พบว่าอุปกรณ์ชำรุดเสียหายไม่ได้รับการดูแล จึงเปลี่ยนเป็นการเช่ายืมแทน)
5. ประเมินสภาพแวดล้อมที่บ้านก่อนผู้ป่วยกลับบ้านในบางราย และให้คำแนะนำในการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้ป่วย
6. นัดติดตามดูอาการและเยี่ยมบ้านในบางราย โดยมีทีมไปเยี่ยมบ้านเพื่อติดตามอาการและให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลผู้ป่วย
ปัญหาที่พบในการดำเนินโครงการ มีดังนี้
1. ครอบครัวยากจนมาก ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะนำไปซื้ออุปกรณ์
2. ผู้ดูแลยังขาดความเข้าใจในการดูแลแบบองค์รวม
3. ไม่ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลชุมชนบางแห่งในการสนับสนุนด้านวัสดุ อุปกรณ์
4. ผู้ดูแลไม่เห็นความสำคัญของ sterile technique ในการดูดเสมหะ
5. มีปัญหาภายในครอบครัว โดยเฉพาะ ด้านเศรษฐกิจ การประกอบอาชีพ
สรุปประเด็นสำคัญจากการนำเสนอของ คุณยุบล ศรีสังข์
การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจเรื้อรังด้วยทีมสหสาขา โดยดำเนินโครงการบริบาลผู้ป่วยเด็กทางระบบหายใจที่บ้าน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ในหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 มีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ 3 ราย เป็นผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน 1 ราย ใช้ออกซิเจนที่บ้าน 2 ราย
กรณีผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน เป็นเด็กหญิงอายุ 3 ปี 5 เดือน เป็นโรคปอดอักเสบและไม่สามารถหายใจได้จากภาวะ SMA ในการประชุมทีมสหสาขาโดยใช้หลัก C3THER ทีมสหสาขาประกอบด้วย แพทย์โรคปอดในเด็ก แพทย์ประจำหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 หัวหน้าหอผู้ป่วย PICU หัวหน้าหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 เภสัชกร อบต.วังโตนด PCUวังโตนด เวชกรรมสังคม นักโภชนาการ นักสังคมสงเคราะห์ นักกายภาพบำบัดและฟื้นฟู พยาบาลประจำหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม 1 ในทีมสหสาขาได้ร่วมกันวางแผนการจำหน่าย ดำเนินการตามแผน มีการติดตามเยี่ยมบ้าน 3 ครั้ง พบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยผู้ป่วยไม่กลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำภายใน 3 เดือน และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจ
สรุปประเด็นสำคัญจากการนำเสนอของ คุณสมฤดี เลิศงามมงคลกุล
การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจเรื้อรังด้วยทีมสหสาขา สู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วยแต่ละราย ทีมสหสาขาจะประกอบด้วยใครบ้างขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วย
ขั้นตอนในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยเด็กโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง มีดังนี้
1. การประเมินก่อนจำหน่าย – ควรประเมินความต้องการของผู้ป่วยด้านการรักษา การบำบัดและฟื้นฟู ความพร้อมผู้ดูแล/ครอบครัว ความพร้อมของสถานบริการชุมชน แหล่งสนับสนุนด้านการเงิน โดยมีแนวทางในการประเมินปัญหาและความต้องการโดยใช้หลัก C3THER
2. การวางแผนการจำหน่ายทำร่วมกันเป็นสหสาขา – วางแผนการดูแลเฉพาะราย โดยมีการบันทึกการประเมิน การสอน การให้คำแนะนำ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดูแล
3. การนำแผนการจำหน่ายไปปฏิบัติ – ประเมินสภาพแวดล้อมภายในบ้าน การจัดวางอุปกรณ์ ทบทวน/เน้นสิ่งที่สอน ให้คำแนะนำเพิ่มเติม การนัดตรวจกับแพทย์ การให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับทีม สร้างความมั่นใจแก่ผู้ดูแลและครอบครัว การเยี่ยมติดตามอาการที่บ้าน
4. การประเมินผล – มีการประเมินผลตามตัวชี้วัด
พยาบาลเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคระบบทางเดินหายใจ จากการวิจัยพบว่า รูปแบบการให้ความรู้และการฝึกทักษะผู้ดูแลเพื่อให้สามารถดูแลอย่างต่อเนื่องที่บ้านได้ มีดังนี้
1. การเสริมสร้างพลังใจ กำลังใจ (Empowerment)
2. การเพิ่มสมรรถนะ ความมั่นใจด้านการดูแล (Self-efficacy)
3. ระบบการสนับสนุนและให้ความรู้แก่ผู้ดูแล (Supportive-educative system)
สรุปประเด็นสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- การทำงานด้วยใจรัก เป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินโครงการบริบาลผู้ป่วยเด็กทางระบบหายใจที่บ้านให้ประสบความสำเร็จ ในทีมงานเป็นผู้ที่มีความทุ่มเท เสียสละเวลา รักในการทำงาน และมีความสุขที่ได้เห็นครอบครัวของผู้ป่วยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จึงพบว่าแม้จะมีอุปสรรคแต่โครงการดังกล่าวยังดำเนินต่อไป
- โครงการบริบาลผู้ป่วยเด็กทางระบบหายใจที่บ้าน เป็นโครงการที่ดี หากมีการรวบรวมข้อมูลในรูปแบบงานวิจัยจะสามารถพัฒนาเป็นโครงการต้นแบบของประเทศได้ โดยนำเสนอไปยัง สปสช. เพื่อของบประมาณสนับสนุนในการดำเนินงาน
- ปัญหาการขาดแคลนทุนทรัพย์และอุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจที่บ้านเป็นปัญหา ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินโครงการดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธาสามารถติดต่อขอบริจาคเงินหรืออุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วยเด็กระบบหายใจที่บ้านได้ ตามใบรับบริจาคโครงการบริบาลโรคทางเดินหายใจในเด็ก แผนกกุมารเวชกรรม รพ.พระปกเกล้า
- ค่าใช้จ่ายในการดูแลควรมีองค์กรรับผิดชอบ โดยมีความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่และมีการส่งต่อตามขั้นตอน
- ควรมีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อเน้นไม่ให้มีการเจ็บป่วย
- ควรมีการใช้สื่อต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ในการหาทุนสนับสนุน โดยสอบถามความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวด้วย
- การติดตามเยี่ยมอาการผู้ป่วยบ่อยแค่ไหนหรือติดตามอย่างไร จะดูตามสภาพของผู้ป่วย โดยพยาบาลในทีมเปิดรับโทรศัพท์ตลอด 24 ช.ม. หากมีปัญหาสงสัยสามารถสอบถามได้ และมีการให้คำแนะนำในการไปรับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อความสะดวกของผู้ป่วย
- ปัญหาผู้ดูแลไม่เห็นความสำคัญของ sterile technique ในการดูแลผู้ป่วยเด็กระบบหายใจ แต่ยังไม่มีปัญหาการติดเชื้อเกิดขึ้น มีหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น อุปกรณ์ในการดูแลผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจผ่านความร้อน 70 องศาเซลเซียส สามารถใช้ได้อีก ระบบภูมิคุ้มกันในตัวผู้ป่วย ความรุนแรงของเชื้อที่มีการปนเปื้อน เป็นต้น ซึ่งพบว่าเชื้อโรคในโรงพยาบาลจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงกว่า ดังนั้นผู้ป่วยที่สามารถกลับบ้านได้การให้ผู้ป่วยไปนอนพักฟื้นที่บ้านโดยมีญาติคอยดูแลด้วยความรักและเอาใจใส่จึงเป็นผลดีกับผู้ป่วยมากกว่า
แนวทางการนำผลการประชุมไปใช้ จากการประชุมครั้งที่ 6
- ในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง อาจารย์ผู้สอนควรมีการเน้นประเด็นสำคัญในการให้คำแนะนำผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยเด็กทางเดินหายใจที่บ้าน เพราะมีแนวโน้มที่จะมีผู้ป่วยลักษณะนี้ในชุมชนมากขึ้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้น นักศึกษาควรมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถให้คำแนะนำแก่ญาติผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง ครอบคลุม รวมทั้งควรเรียนรู้ระบบการทำงานที่ต้องมีการประสานงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังเนื้อหาที่วิทยากรนำเสนอ
- อาจารย์ของวิทยาลัยและทีมผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กระบบทางเดินหายใจของโรงพยาบาล อาจร่วมกันทำวิจัยหรือโครงการเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
รัชชนก สิทธิเวช
ผู้บันทึกการประชุม