การแลกเปลี่ยนเรียนรุ้ “Paliative care’
รายงานการประชุมชุมชนนักปฏิบัติ (CoP)
หัวข้อ : Palliative care
วันที่ 29 ตุลาคม 2556 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้องรับรอง อาคารอำนวยการ
ผู้ร่วมกิจกรรม จำนวน 19 คน
- อ.คนึงนิตย์ พงษ์สิทธิถาวร
- อ.สุชาดา นิ้มวัฒนากุล
- อ.สาคร พร้อมเพราะ
- อ.รัชสุรีย์ จันทเพชร
- อ.นวนันท์ ปัทมสุทธิกุล
- อ. สุปราณี ฉายวิจิตร
- อ. ขวัญสุวีย์ อภิจันทรเมธากุล
- ดร. ทองสวย สีทานนท์
- อ. ยศพล เหลืองโสมนภา
- อ.ปาลีรัญญ์ ฐาสิรสวัสดิ์
- อ.รสสุคนธ์ เจริญสัตย์สิริ
- อ.รุ่งนภา เขียวชะอ่ำ
- อ.จริยาพร วรรณโชติ
- อ.นุชนาถ ประกาศ
- อ.สุกัญญา ขันวิเศษ
- อ.ปัทมา บุญช่วยเหลือ
- อ.สุภา คำมะฤทธิ์
- อ.อรพรรณ บุญลือ
- อ.ปรีดาวรรณ บุญมาก
สรุปสาระสำคัญการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
พรบ. สุขภาพแห่งชาติ 2550 ม. 12 กำหนดให้บุคคลมีสิทธิเลือกจะหยุดการยืดชีวิตแต่ในสังคมไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับกว้างถึงระดับ Mercy killing พรบ.จึงรักษาสิทธิให้กับผู้ป่วยระบุ good dead+ living will ได้ตามสิทธิผู้ป่วย (พรบ.มาตรา 53, 54, 55 ของรัฐธรรมนูญ 2550) สภาการพยาบาลจึงส่งเสริมพยาบาลให้ปฏิบัติการพยาบาลสนับสนุนจุดประสงค์ดังกล่าวและรองรับการพยาบาลดูแลในช่วงหลังจำหน่าย ซึ่งบทบาทพยาบาลสามารถมีสมรรถนะดูแลช่วงรอยต่อนี้ในชุมชนได้ในบทบาท caregiver + support + coaching ฯลฯ
พ.ศ. 2556 สภาได้รับการสนับสนุนทุนจากสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อทำโครงการอบรมการ training for the trainer of palliative care ให้ผู้ป่วยกลุ่มที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง ดำรงชีวิตอยู่ในชุมชน โดยเริ่มจากพยาบาล > ต่อไปทำอสม. > Caregiver specific care (Home ward) ความคาดหวังจากสภาการพยาบาลต่อผู้เข้าอบรม คือ
- ไปอบรมกลุ่มพยาบาลในพื้นที่ที่เรารับผิดชอบให้มีสมรรถนะการดูแลแบบ palliative care
- ส่งเสริมหน้าที่ประชาชนให้สามารถดูแลกันเองให้ผู้ป่วยเรื้อรังอยู่ในครอบครัว
ต่อไปสภาจะสร้างแนวความรู้ใช้เป็น Guidelines ของผู้ป่วย ผู้ใหญ่และเด็ก จะประกาศใช้ทั้งประเทศต่อไป มติ กระทรวงสาธารณสุขให้พยาบาลดู dependent aging ส่วน Semi – dependent ให้ อสม. ดู ดังนั้นสภาจะขอให้ APN (2000+คน) เปิดคลินิกการพยาบาลการผดุงครรภ์เพื่อดูแลกลุ่ม palliative ให้ทั่วถึง
จุดประสงค์ที่สภาการพยาบาลสร้างหลักสูตรฯ เนื่องจากแนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงทางระบาดวิทยาเป็นโรคไม่ติดต่อมากขึ้น ประชากรกลุ่มโรคเรื้อรังสูญเสียปีที่มีสุขภาพดี (DALY’S LOSS) มากกว่ากลุ่มโรคไม่เรื้อรังจำนวน 3 เท่า ประชากรที่มีอายุมากขึ้นแนวโน้มที่จะเป็นโรคไม่ติดต่อมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขและสมัชชาสุขภาพแห่งชาติจึง มอบหมายให้พยาบาลดูแลโดยใช้บทบาทอิสระ dependent care (สภากำลังผลักดันให้ APN เปิดคลินิกได้เพื่อเป็น case manager รองรับผู้ป่วย Palliative)
กระบวนการพยาบาลสำหรับ Palliative care ไม่ใช่ประเมินโรคแต่เน้นประเมินคน ถึงแม้โรคไม่หายก็มีความผาสุกได้โดยใช้เครื่องมือจำเพาะคือ ESAS (Edmonton symptom assessment scale) and PPS (Palliative performance scale) การสร้างสัมพันธภาพที่ดีให้มี trust เกิดขึ้นระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย bio + pain & Psychosocial control > Psychosocial + experience > Spiritual + expectation เพื่อ- ลด suffering และเพิ่ม QOL ให้มี Holistic well being การ approach ที่ดีถือเป็น therapeutic ไปในตัว ถึงแม้การรักษาสิ้นสุดลงแล้ว แต่พยาบาลจะไม่ละทิ้งผู้ป่วยต้องทำ bereavement care (การบรรเทาความทุกข์โศกจากการเสียชีวิต) กับญาติด้วย
มิติของประเมิน
- Background (ภูมิหลัง อาการที่ทุกข์ทรมาน)
- Physical symptom
- Psychological and meaning of life
- Social circumstance
- Spiritual needs and growth (การปล่อยวาง การให้อภัย)
- Practical needs & anticipatory planning for death
Palliative ไม่ได้เน้นเฉพาะกับคนไข้เรื้อรังเพียงอย่างเดียว ใน Acute on top ใน state ต่างๆ ก็ได้ตาม trajectory of illness เช่น ในคนไข้ในช่วงรอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนไต
อ.รุ่งนภา : คนไข้ใน ICU เขียนว่า palliative care และเตรียมเข้าสู่ End of life แล้วความแตกต่างของ palliative care และ end of life คืออะไร
อ.รัชสุรีย์ : End of life care เป็น sub set หรือ moment หนึ่งของชีวิต ของ palliative care เท่านั้น โดยยกตัวอย่าง trajectory of illness มี 3 ช่วง เช่น 1. ในผู้ป่วยอุบัติเหตุ เข้าสู่วิกฤตและตาย 2. กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังที่ มี up – down –up- down ไปเรื่อยๆ และ 3. ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็น CKD, Heart ที่รอผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะหรือปลูกถ่ายอวัยวะแล้วมีภาวะแทรกซ้อน
และดังนั้นในผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องการการรักษา Off and on ไปเรื่อยๆ สามารถนำหลักของ palliative care มาใช้ได้ โดยไม่ยึดติดกับการวินิจฉัย หรือยึดติดกับโรค เป็นบทบาทอิสระของพยาบาล
อ.ยศพล : เสนอให้นำคำถามเรื่องความแตกต่างที่ชัดเจน ระหว่าง palliative care และ end of life เป็น AAR
อ.รุ่งนภา : สอบถามว่า เมื่อใดเราจะถือว่าเข้าสู่ช่วง palliative care เมื่อใดเข้าสู่ end of life
อ.คนึงนิตย์ : ผศ.นพ.ห้องสิน ตระกูลทิวากร กล่าวว่า End of life หรือวาระสุดท้าย คือ ช่วงเวลา 6 เดือนสุดท้ายที่ผู้ป่วยอาจจะมีชีวิตรอดอยู่ ส่วน palliative care หมายถึงในผู้ป่วยที่มีอาการไม่คงที่ ดีบ้าง ทรุดบ้างสลับกัน และคือการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง
อ.สุชาดา : Palliative care ตามเกณฑ์ของสภา จะมุ่งเน้นถึงการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง รวมไปถึงกลุ่มอื่นๆอีกหลายๆโรคที่สามารถวินิจฉัยว่า End of life แต่เนื่องจากการใช้คำว่า End of life อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึก hopeless จึงใช้ว่า palliative care และสภาการพยาบาลเน้นเป็นกลุ่มอาการของโรค เช่น กลุ่มอาการทางไต (ในผู้ป่วยฟอกไตหรือ ไตเรื้อรัง) กลุ่มอาการทาง heart
อ.ปรีดาวรรณ : ยกตัวอย่างผู้ป่วยในหอผู้ป่วย PICU รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี
กรณีที่ 1 ผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัย good palliative care เช่น ผู้ป่วย SMA ที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งไม่มีโอกาสหายจากโรค แต่เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งจะเสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง ระหว่างนี้จะได้รับการดูแลแบบประคับประคองให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
กรณีที่ 2 end of life care ทำในผู้ป่วยเด็กที่สำลักสิ่งแปลกปลอมแล้วมี brain anoxia และมี brain death on ventilator เพื่อ mental support ญาติ และรอเวลาเสียชีวิต
เป้าหมายของ Palliative care คือ ให้ผู้ป่วยจบชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรี และใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ทางรักษาให้หายขาดแต่ยังสามารถดำเนินชีวิตได้อยู่
ตามเกณฑ์ของสภาการพยาบาลจะใช้ เครื่องมือ ESAS (Edmonton symptom assessment scale) และ PPS (Palliative performance scale) ในการประเมินผู้ป่วย
เอกสารแนบท้าย
ภาพ: Trajectory illness (ที่มา: www.eguidelines.co.uk)
ความรู้ที่ได้จากการและการเปลี่ยนเรียนรู้
สิ่งที่ได้จากเรียนรู้เรื่องนี้พบว่าพยาบาลเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่จะใช้ Nursing process ในผู้ป่วย palliative care ทุกระยะ ซึ่งการ approach ที่ดีจะทำให้ผู้ป่วย healing ได้ดี โดยในผู้ป่วยทางกายการใช้การประเมินด้วย pathophysiology ทั่วๆไป แต่ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะต้องเน้นเรื่อง symptom control และ pain เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน
แนวทางการนำความรู้ไปใช้
นำหลักการดูแลผู้ป่วย Palliative ไปใช้ในการสอนในรายวิชาการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ 2 หัวข้อ Palliative care, Death and Dying ในภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2557