การเตรียมความพร้อมนักศึกษาในการสอบรับใบอนุญาตฯ วิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช ปีการศึกษา 2553
การพัฒนานักศึกษาโครงการปกติกลุ่มพิเศษในการสอบเตรียมความพร้อมเพื่อสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช ปีการศึกษา 2553
กลุ่มเป้าหมาย นักศึกษาโครงการปกติ กลุ่มพิเศษ
นักศึกษาโครงการปกติกลุ่มพิเศษ หมายถึง นักศึกษาปี4 หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า ทุนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้คะแนนในการสอบรวบยอดเครือข่ายภาคกลางครั้งที่ 1 วิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช น้อยกว่า 34 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 75 คะแนน) จำนวน 17 คน
ระยะเวลาดำเนินการวิจัยวิจัย วันที่ 5 มกราคม 2554 ถึง วันที่ 22 กุมภาพันธ์2554
วิธีดำเนินการวิจัยและผลการวิจัย
1. ทำเอกสารสรุปสาระสำคัญตามblueprint วิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช แจกให้นักศึกษาก่อนการติวประมาณ 1 เดือน
2. อาจารย์เตรียมข้อสอบที่จะใช้ให้นักศึกษาในการฝึกทำโจทย์(ข้อสอบเสมือนข้อสอบรวบยอด)
3. แบ่งกลุ่มนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ ปี 4 โครงการปกติออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มพิเศษวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชโดยเรียงลำดับการสอบรวบยอดครั้งที่1วิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช จากคะแนนจากต่ำสุดไปจนถึงสูงสุด แล้วคัดรายชื่อนักศึกษาจากคะแนนต่ำสุดขึ้นไป จำนวน 17 %ซึ่งมีจำนวน 17 คน (คะแนนอยู่ในช่วง 23-33 จากคะแนนเต็ม 75 คะแนน) ส่วนนักศึกษาที่เหลือ จำนวน 85 คน เรียกว่ากลุ่มปกติ และแจ้งให้นักศึกษาทราบ
4. อธิบายให้นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ ปี 4 โครงการปกติทราบเกี่ยวกับเหตุผลและวิธีการติวในแต่ละกลุ่ม
5. เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น และซักถาม นักศึกษากลุ่มปกติถามว่านักศึกษาที่อยู่กลุ่มปกติสามารถไปเข้าในกลุ่มพิเศษได้หรือไม่ อาจารย์อธิบายที่มาของการแยกกลุ่มติวอีกครั้งก่อนตอบว่า ได้ แต่ต้องเป็นผู้สังเกตการณ์ได้อย่างเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม (สรุป ไม่มีนักศึกษากลุ่มปกติไปเข้าติวในกลุ่มพิเศษ)
6. อาจารย์เล่าถึงสถิติการสอบผ่านของกลุ่มพิเศษในปีที่ผ่านๆมาให้นักศึกษาได้ทราบ
7. อาจารย์อธิบายความสำคัญของแต่ละเนื้อหาแต่บทเพื่อให้นักศึกษาแบ่งเวลาในการทบทวนแต่ละบทได้เหมาะสม
8. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการออกแบบวิธีการติวว่า นักศึกษาคิดว่าวิธีใดน่าจะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ได้มากกว่ากันระหว่าง
วิธีที่1 อาจารย์อธิบายสาระสำคัญและเปิดโอกาสให้ซักถามในเนื้อหาแต่ละส่วนตั้งแต่แรกจนจบ แล้วจึงไปเฉลยข้อสอบรวบยอดเครือข่ายภาคกลางที่สอบไปแล้ว ตามด้วยการฝึกทำข้อสอบ
วิธีที่ 2 อาจารย์อธิบายสาระสำคัญและเปิดโอกาสให้ซักถามในเนื้อหาแต่ละบท แล้วจึงไปเฉลยข้อสอบรวบยอดเครือข่ายภาคกลางในส่วนเนื้อหานั้น ตามด้วยการฝึกทำข้อสอบอื่นๆในแต่ละเนื้อหานั้น
ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่เลือกวิธีที่2
9. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการออกแบบวิธีการฝึกทำข้อสอบ (ช่วงสุดท้ายของการติว) ว่า นักศึกษาคิดว่าวิธีใดน่าจะทำให้นักศึกษาเรียนรู้ได้มากกว่ากันระหว่าง
วิธีที่1 อาจารย์นำข้อสอบขึ้นบนจอทีละข้อ แล้วนักศึกษาทำไปทีละข้อ และเฉลยไปทีละข้อ (สอนวิธีการตีโจทย์ การตัดตัวเลือก)
วิธีที่2 แจกข้อสอบให้นักศึกษาแต่ละคนทำที่ละชุด (ชุดละ 75ข้อ)ให้เสร็จ แล้วเฉลยทีเดียว(สอนวิธีการตีโจทย์ การตัดตัวเลือก)
วิธีที่3 แจกข้อสอบให้นักศึกษาทำเป็นรายกลุ่มๆละ5 คน ทีละชุด (ชุดละ 75ข้อ)ให้เสร็จ แล้วเฉลยทีเดียว (สอนวิธีการตีโจทย์ การตัดตัวเลือก)
ซึ่งนักศึกษาเลือกวิธีการที่2 โดยให้เหตุผลว่าแต่ละคนใช้เวลาในการคิดแต่ละข้อนานไม่เท่ากัน วิธีการที่1 และ3ทำให้นักศึกษาบางคนยังไม่ทันได้คิดแต่เพื่อนตอบแล้ว
10. อาจารย์ให้ข้อมูลแก่นักศึกษาว่านักศึกษาสามารถเสนอแนะวิธีการติวหรือปรับเปลี่ยนข้อตกลงได้ตลอดเวลาหากมีเหตุผลที่เห็นว่าจะเป็นการดีต่อการเรียนรู้ของนักศึกษา
11. วันที่ 5 มกราคม 2554 เวลา 8.00-16.00 และ18.00-21.00 น.ดำเนินการติวตามที่ได้ตกลงร่วมกับนักศึกษาโดยอาจารย์วางแผนการใช้เวลาในเนื้อหาแต่ละส่วนให้เหมาะสมตามความสำคัญของแต่ละเนื้อหา(ตาม blueprint) โดยภาคเช้าติวconcept บทที่ 1 -3 และฝึกทำตัวอย่างข้อสอบท้ายแต่ละเนื้อหาทีละข้อพร้อมกับเฉลยวิธีการวิเคราะห์โจทย์ และการตัดตัวเลือก ภาคบ่ายติวconcept บทที่4 -6และฝึกทำตัวอย่างข้อสอบท้ายแต่ละเนื้อหาทีละข้อพร้อมกับเฉลยวิธีการวิเคราะห์โจทย์ และการตัดตัวเลือก ซึ่งพบว่านักศึกษาเข้าร่วมการติวทุกคนตามเวลาที่กำหนด ทุกคนมีความตั้งใจ มีเพียง 1 คนที่สัปหงกและ 18.00-21.00 น. เฉลยข้อสอบรวบยอดเครือข่ายภาคกลางปีการศึกษา2553 ชุดที่ 1 และ 2
12. ประเมินผลการติวในวันแรกโดยสอบถามความคิดเห็น ปัญหา/อุปสรรค เพื่อปรับแก้ในการติวครั้งต่อไป โดยเฉพาะนักศึกษาที่สัปหงก แนะนำให้นักศึกษาที่รู้ตัวว่าง่วงขึ้นมานั่งแถวหน้า
13. ประเมินผลการติวในวันแรกโดยแบบสอบถามความคิดเห็น พบว่านักศึกษากลุ่มพิเศษทุกคนพึงพอใจกับการติวมาก โดยบอกว่าทำให้ตนเองเข้าใจมากขึ้นมาก และเสนอให้ใช้วิธีการแบ่งกลุ่มพิเศษในการติวรอบ2 ก่อนสอบรวบยอดของม.บูรพา
14. ดำเนินการติวรอบที่ 2 ตามตารางที่ฝ่ายวิชาการจัดให้ โดยยังแยกนักศึกษาเป็น 2 กลุ่ม เช่นเดิม
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 8.00-12.00 ทบทวนconcept เนื้อหาบทที่ 1- 3 แล้วให้ฝึกทำข้อสอบบนจอทีละข้อ และเฉลยวิธีการวิเคราะห์โจทย์ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธี ตัดตัวเลือก ทีละข้อ
เวลา 13.00-16.00 น.ทบทวนconcept เนื้อหาบทที่ 4 และ 6 แล้วให้ฝึกทำข้อสอบบนจอทีละข้อ และเฉลยวิธีการวิเคราะห์โจทย์ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธี ตัดตัวเลือก ทีละข้อ
เวลา 18.00-21.00 ทบทวนconcept เนื้อหาบทที่ 5 แล้วให้ฝึกทำข้อสอบบนจอทีละข้อ และเฉลยวิธีการวิเคราะห์โจทย์ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธี ตัดตัวเลือก ทีละข้อ
วันที่ 24 มกราคม 2554 สอบรวบยอดสถาบันพระบรมราชชนกในวิชาสุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวช พบว่านักศึกษา กลุ่มพิเศษจำนวน 12 ใน 17 คน สอบผ่านเกณฑ์ 60 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นร้อยละ 70.59
เฉลยข้อสอบรวบยอดสถาบันพระบรมราชชนกโดยสอนวิธีการวิเคราะห์โจทย์ เน้นย้ำ CONCEPT สำคัญในเรื่องนั้นๆ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธีตัดตัวเลือก อธิบายเพิ่มเติมในตัวเลือกที่นักศึกษาเลือกผิด
15. สอบครั้งที่ 2 โดยใช้ข้อสอบรวบยอด ม.บูรพาประจำปีการศึกษา 2553 ในวันที่ 17กุมภาพันธ์ 2554 ติดตามผลการสอบครั้งที่2 เปรียบเทียบกับการสอบครั้งแรก ซึ่งพบว่า นักศึกษากลุ่มพิเศษทั้ง 17 คน สอบผ่านที่เกณฑ์ 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกคน คิดเป็นร้อยละร้อย
หมายเหตุ โดยนักศึกษาในกลุ่มพิเศษที่ได้คะแนนสูงสุดทำคะแนนได้ถึง 67 คะแนน จากคะแนนเต็ม 75 คะแนน (นักศึกษาที่ทำคะแนนสูงสุดในรุ่นทำได้ 68 คะแนน)
16. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เฉลยข้อสอบ ม.บูรพา โดยสอนวิธีการวิเคราะห์โจทย์ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธี ตัดตัวเลือก อธิบายเพิ่มเติมในตัวเลือกที่นักศึกษาเลือกผิด
17. ประเมินผลความพึงพอใจในการติว พบว่านักศึกษากลุ่มพิเศษมีความพึงพอมากต่อเอกสารประกอบการติวมาก เพราะปริมาณเอกสารที่ลดน้อยลงทำให้มีกำลังใจในการอ่าน และจดจำสาระสำคัญได้ดี รวมทั้งมีความพึงพึงอใจในการติวมาก โดยให้เหตุผลว่าการติวแยกเฉพาะกลุ่มพิเศษซึ่งมีนักศึกษากลุ่มละ 17 คน ทำให้มีสมาธิมากขึ้นกว่าการติวรวมห้องใหญ่ (เพราะในห้องใหญ่มักจะมีเพื่อนที่คุยกันทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิ การนั่งไกลๆก็ทำให้สมาธิลดลง) อาจารย์อธิบายอย่างละเอียด รวมทั้งเน้นย้ำในเนื้อหาที่สำคัญ และเปิดโอกาสให้ซักถามตลอดเวลา ทำให้ตนเองกล้าที่จะซักถามในเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจหรือยังไม่แน่ใจความรู้สึกเกรงใจเพื่อนและอายเพื่อนจากการถามคำถามหายไป ทุกครั้งที่ถามทำให้ตนเองและเพื่อนคนอื่นเข้าใจมากขึ้น และทำให้มีกำลังใจมากขึ้น และมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ติว
สรุปปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสิทธิผลของการติวสูง ได้แก่
1. เอกสารประกอบการติวที่อาจารย์เตรียมให้นักศึกษาเตรียมความพร้อมก่อนการติว
2. การแยกนักศึกษาเฉพาะกลุ่มที่มีคะแนนตำซึ่งมีจำนวนไม่มาก (17 คน) ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนักศึกษา
3. อาจารย์อธิบายละเอียดในสาระสำคัญในแต่ละบท เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถาม นักศึกษาสามารถซักถามในส่วนที่ตนไม่เข้าใจ อาจารย์เพิ่มเติมในส่วนที่นักศึกษายังไม่เข้าใจ
4. มีการฝึกทำข้อสอบตาม blueprint เสมือนข้อสอบจริง โดยสอนวิธีการวิเคราะห์โจทย์ วิธีพิจารณาตัวเลือกและวิธี ตัดตัวเลือก อธิบายเพิ่มเติมในตัวเลือกที่นักศึกษาเลือกผิด
5. นักศึกษาทุกคนมีความรับผิดชอบในตนเอง เข้าติวตรงเวลาตามกำหนดทุกคน ทุกครั้ง และมีความตั้งใจในการติวทุกครั้ง