การนวดเพื่อสุขภาพ
มีหลักฐานปรากฏว่าการนวดไทยเริ่มมีตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง แบ่งเป็นการนวดแบบราชสำนัก และการนวดไทยแบบเชลยศักดิ์ การนวดนี้มีประโยชน์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งประโยชน์ด้านร่างกายได้แก่ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดช่วยให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ลดอาการปวดและบวม กระตุ้นภูมิคุ้มกันและ การทำงานของระบบประสาท ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้น ส่วนในหญิงหลังคลอดการนวดและประคบ จะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้ดีขึ้น ส่วนประโยชน์ด้านจิตใจได้แก่ ทำให้เกิดอาการผ่อนคลาย มีความรู้สึกเป็นสุข ช่วยทำให้จิตใจสงบ สบายใจ และเป็นการปรับสมดุลของพลังชีวิต
วิธีการนวดเพื่อลดอาการปวดไหล่และคอ มีหลักการและเทคนิคดังต่อไปนี้
๑. ก่อนนวดต้องล้างมือให้สะอาดและตัดเล็บให้สั้น
๒. ไม่ควรนวดในผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ (ควรให้เกิน ๓๐ นาทีเป็นอย่างน้อย)
๓. ขณะทำการนวดต้องมีสมาธิ และระลึกถึงครูบาอาจารย์
๔. เริ่มการนวดบริเวณด้านซ้ายก่อน
๕. ระวังอย่าให้นิ้วที่นวดกดที่กระดูกเพราะจะทำให้เมื่อย สำหรับความหนักเบาของน้ำหนักที่กดเมื่อนวดนั้นให้สอบถามจากผู้ถูกนวด
๖. ในแต่ละท่าให้นวดอย่างน้อยประมาณ ๕ รอบ จึงจะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ สำหรับผู้ที่มีอาการมากอาจต้องใช้การประคบร้อนช่วย และนัดนวดซ้ำอีกเป็นระยะ
จากความสนใจเรื่องการนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นรูปแบบอีกอย่างของทางเลือกด้านสุขภาพ ทำให้ทีมอาจารย์จากภาควิชาพื้นฐานการพยาบาลและบริหารวิชาชีพ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ได้แก่ อ.โสภา ลี้ศิริวัฒนกุล อ.คณิสร แก้วแดง และ อ.วิภารัตน์ ภิบาลวงษ์ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดเพื่อผ่อนคลาย แบบนวดโดยใช้น้ำมันไพลกับการนวดแบบดั้งเดิม ในผู้ที่มีอาการปวดไหล่ โดยเปรียบเทียบว่าการนวดทั้งสองชนิดนี้มีประสิทธิผลต่ออาการปวด อาการผ่อนคลาย และความพึงพอใจต่อการนวดของผู้ถูกนวดที่มีอาการปวดไหล่และคอ ว่ามีแตกต่างกันอย่างไร