วิชาชีพการพยาบาลจัดว่าเป็นสาขาวิชาชีพหนึ่งที่ขาดแคลนในประเทศไทยและทั่วโลก การเลือกเข้าศึกษาในวิชาชีพนี้ของนักเรียนเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของวิชาชีพในอนาคต การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความตั้งใจและปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจในการเลือกศึกษาวิชาชีพ การพยาบาลของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในเขตภาคตะวันออก ในปีการศึกษา 2547 กับ 2553 โดยใช้ทฤษฎีการกระทำพฤติกรรมโดยเจตนา (Theory of Planned Behavior) เป็นกรอบในการศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่คณะผู้วิจัยสร้างขึ้นตามกรอบทฤษฎีดังกล่าว ในเดือนธันวาคม 2547 และพฤศจิกายน 2553 จากนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในเขตภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และนครนายก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การถดถอยเชิงพหุ (multiple regression) และ independent t-test
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างในปีการศึกษา 2547 มีจำนวน 740 คน และปี 2553 มีจำนวน 733 คน รวมเป็นจำนวน 1,473 คน โดยภาพรวม นักเรียนส่วนใหญ่มีความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล แต่อย่างไรก็ตาม นักเรียนทั้งหญิงและชายที่มีความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลมีจำนวนลดลง และนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงมีความตั้งใจที่จะไม่เลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในทั้ง 2 ปีการศึกษา สำหรับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความตั้งใจเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาลของนักเรียน พบว่าในทั้ง 2 ปีการศึกษา เจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาลเป็นปัจจัยที่มีอำนาจทำนายเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ การรับรู้ในความสามารถของตนเองที่จะเรียนวิชาชีพการพยาบาล ส่วนการคล้อยตามความเห็นของกลุ่มคนที่มีความสำคัญไม่เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนั้น ยังพบว่าในช่วงระยะเวลาห่างกัน 6 ปีดังกล่าว นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ในจังหวัดชลบุรีและปราจีนบุรีมีความตั้งใจในการเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล และมีเจตคติต่อวิชาชีพการพยาบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่นักเรียน ในจังหวัดสระแก้วและนครนายกมีความตั้งใจในการเลือกศึกษาวิชาชีพการพยาบาล และมีการรับรู้ถึงความสามารถในการศึกษาวิชาชีพการพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
คำสำคัญ : ความตั้งใจเลือกศึกษา วิชาชีพการพยาบาล นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6