การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา ก่อนกับหลังการดำเนินโครงการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ทั้งนักศึกษาและบุคลากร วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี เพื่อศึกษาทัศนคติ และการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของบุคลากร วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี และเพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของนักศึกษา วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลและบุคลากรซึ่งประกอบด้วยอาจารย์และบุคลากรสายสนับสนุน จำนวนทั้งหมด 321 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชุดคือ 1) แบบสอบถามเพื่อศึกษาความรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของนักศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 แบบสอบถามความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา และส่วนที่ 3 แบบสอบถามการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของนักศึกษา มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามส่วนที่ 2 และ 3 เท่ากับ .70 และ .89 ตามลำดับและ 2) แบบสอบถามเพื่อศึกษาความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของบุคลากร แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 แบบสอบถามความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา ส่วนที่ 3 แบบสอบถามทัศนคติต่อการประกันคุณภาพการศึกษา และส่วนที่ 4 แบบสอบถามการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษา มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามส่วนที่ 2-4 เท่ากับ .81, .91 และ .93 ตามลำดับ ดำเนินการพิทักษ์สิทธ์ิของกลุ่มตัวอย่างและเก็บรวบรวมข้อมูลโดยคณะผู้วิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และpaired t-testผลการวิจัยพบว่า 1) หลังการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจฯ ทั้งนักศึกษาและบุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาสูงกว่าก่อนการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 2) ทัศนคติ และการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของบุคลากร พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อการประกันคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 47.90 และมีระดับการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 45.1 และ 3) การมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาของนักศึกษา พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีระดับการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 39.61จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าสถาบันการศึกษาควรมีการดำเนินการส่งเสริมให้นักศึกษาและบุคลากรมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา เสริมสร้างทัศนคติและการมีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษา ด้วยวิธีการประชุมหรือฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ และให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงรวมถึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาและบุคลากรเข้ามามีส่วนร่วมในการประกันคุณภาพการศึกษาคำสำคัญ : ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ การมีส่วนร่วม การประกันคุณภาพการศึกษา