เมนูหลัก
หน้าหลัก
ข้อมูลการประกันคุณภาพ
ข้อมูลเกี่ยวกับบุคลากร
ข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษา
ข้อมูลการพัฒนาบุคลากร
ข้อมูลเกี่ยวกับวิชาการ
ข้อมูลครุภัณฑ์หน่วยงาน
ข้อมูลอาคารและสิ่งก่อสร้าง
ข้อมูลผลงานประเภทต่างๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน
ปฏิทินการแจ้งซ่อมครุภัณฑ์
ปฏิทินการขอใช้รถยนต์ราชการ
ปฏิทินการขอใช้ห้องประชุม
แผนภูมิแสดงข้อมูลงานวิจัย
แผนภูมิแสดงข้อมูลครุภัณฑ์
แผนภูมิแสดงแผนปฎิบัติการ
ดาว์โหลดเอกสารประเภทต่างๆ
สายตรงผู้อำนวยการ
   
เข้าระบบ
   
 
จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม
 
counter
   
หน้าหลัก » ข้อมูลผลงาน » ข้อมูลโครงการผลงาน
 
‹ ย้อนกลับ
 
หน่วยงาน : วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
ประเภทผลงาน : โครงการวิจัย
ชื่อผลงาน: ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ในเขตตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
  เป็นผลงานที่อยู่ในแผนส่งเสริมการนำเสนอผลงานวิชาการของวิทยาลัย
  ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากวิทยาลัยและ/หรือหน่วยงานอื่นๆ ในการไปนำเสนอผลงานวิชาการ
ชื่อผู้ทำผลงาน    
   
นาย ปิ่นนเรศ  กาศอุดม หัวหน้า
นางสาว มัณฑนา  เหมชะญาติ ผู้ร่วม
กลุ่มสาขาวิชาการ : ภาควิชาการพยาบาลชุมชน และจิตเวชศาสตร์
    ความสำคัญและที่มาของปัญหา :
    จากการสำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2550 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยมีถึงประมาณ 7 ล้านคน คิดเป็นเกือบร้อยละ 11.0 ของประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 65.6 ล้านคน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2551) การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรผู้สูงอายุ รวมทั้งภารกิจในการดูแลด้านต่างๆ ที่ตามมา เป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญมาตลอด จึงได้กำหนดนโยบายและมาตรการ รวมทั้งกฎหมาย ประกาศ และระเบียบ สำหรับผู้สูงอายุทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังเช่น พระราชบัญญัติ ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยผู้สูงอายุเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการจัดการขององค์กร หน่วยงานต่างๆ (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, 2548) ซึ่งส่งผลให้มีการจัดทำประกาศและระเบียบที่ออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ตามมา เช่น ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง การบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่จัดไว้โดยให้ความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้สูงอายุเป็นกรณีพิเศษ และประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุน การพัฒนาตนเอง และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การรวมกลุ่มในลักษณะเครือข่าย หรือชุมชน (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, 2548) การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรผู้สูงอายุส่งผลให้ปัญหาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะ กลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเป็นโรคเรื้อรังและมีความรุนแรงของโรคมากกว่ากลุ่มวัยอื่น อันเป็น ผลสืบเนื่องมาจากพฤติกรรมสุขภาพและการดูแลควบคุมโรคเรื้อรังในอดีต โรคเรื้อรังที่สำคัญได้แก่ โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงคือ โรคไตวาย ตาบอด โรคหัวใจ อัมพาตหรือเสียชีวิตจากหลอดเลือดในสมองแตกหรืออุดตัน เป็นต้น (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2554) นอกจากนี้ยังพบว่าผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะมีภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาวะสมองเสื่อมนั้น นอกจากจะเป็นปัญหาในผู้สูงอายุ เพราะมีการสูญเสียความคิด ความจำ และความสามารถในการทำงานและ การตัดสินใจแล้ว ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ดูแลและครอบครัวของผู้สูงอายุทั้งทางกาย จิตใจ สังคม และเศรษฐกิจเช่นเดียวกับภาวะทุพลภาพ (ชื่นตา วิชชาวุธ, 2554) นอกจากปัญหาสุขภาพที่รุนแรงดังกล่าวแล้ว ผู้สูงอายุจำนวนมากยังประสบปัญหาการมองเห็น การได้ยิน และการบดเคี้ยวอาหาร รวมทั้งปัญหาสุขภาพที่เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเรื้อรัง ในรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุเมื่อปีพ.ศ. 2552 ของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (2554) ระบุว่าโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคต่อมไร้ท่อ มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง การเจ็บป่วยดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ผู้สูงอายุไปรับบริการทางสุขภาพแบบต่อเนื่องถึงร้อยละ 53.7 ของผู้สูงอายุที่เข้ารับบริการสุขภาพ จากสถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลให้อัตราการรับบริการผู้ป่วยในที่เป็นผู้สูงอายุและค่ารักษาพยาบาลของกองทุนหลักประกันสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหากยังไม่มีระบบการป้องกันปัญหาสุขภาพที่ดีอาจทำให้ประเทศต้องสูญเสียเงินไปกับค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุโดยเน้นการดำเนินการเชิงรุก และส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะของการทดลองให้โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ เช่น การศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ มีส่วนน้อยที่ศึกษาถึงผลของการดำเนินการ สร้างเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุที่เป็นการดำเนินการโดยชมรมผู้สูงอายุในชุมชนที่ประสานความร่วมมือ ด้านวิชาการจากสถาบันการศึกษา ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากองค์กรปกครองท้องถิ่น และ การสนับสนุนทรัพยากรจากในชุมชนเอง ดังนั้น คณะผู้วิจัยซึ่งเป็นคณาจารย์ในสถาบันการศึกษาพยาบาลที่ ทำหน้าที่ในการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จึงสนใจที่จะศึกษาถึงผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ เพื่อให้ได้องค์ความรู้จากการดำเนินการร่วมกับชุมชนครั้งนี้ไปสู่การประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาพยาบาลต่อไป
    วัตถุประสงค์ของโครงการ
    1. เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี
    ขอบเขตของโครงการผลงาน
    ในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ใช้แนวคิดการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยให้ชมรมผู้สูงอายุในชุมชนมีส่วนร่วม และใช้ทรัพยากรทั้งด้านงบประมาณและบุคคลในชุมชนเป็นผู้ร่วมดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพในแต่ละครั้ง ร่วมกับการใช้แนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพของวอล์คเกอร์ (Walker, 1992)
    ผลที่คาดว่าจะได้รับ
    1. ข้อมูลทั่วไป พบว่าผู้สูงอายุมีอายุเฉลี่ย 65.83 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 90.50 คู่สมรสเสียชีวิตแล้ว คิดเป็นร้อยละ 56.10 มีการศึกษาระดับประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 88.10 ยังประกอบอาชีพอยู่ คิดเป็นร้อยละ 45.20 มีโรคประจำตัว คิดเป็นร้อยละ 80.00 ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวมากกว่าหนึ่งโรค ซึ่งโรคที่พบมากได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และกระดูกเสื่อม 2. พฤติกรรมสุขภาพก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ พบว่าผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ โดยรวมอยู่ในระดับสูง เมื่อจำแนกตามรายด้าน พบว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมฯ ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพเกือบทุกด้านอยู่ในระดับสูง ยกเว้นด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพและด้านกิจกรรมทางกาย ส่วนหลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพทุกด้านอยู่ในระดับสูง โดยทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพด้านการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมากที่สุด และมีพฤติกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพน้อยที่สุด ดังแสดงในตารางที่ 1 3. การเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ พบว่าผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพหลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 10.59, p < .001) ดังแสดงในตารางที่ 2 4. ความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ พบว่าผู้สูงอายุมี ความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมฯ โดยรวมอยู่ในระดับสูง (X = 4.44, SD = .52) เมื่อจำแนกตามรายการประเมิน พบว่าผู้สูงอายุมีความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมฯ อยู่ในระดับสูงเกือบทุกรายการประเมิน ยกเว้นรายการประเมิน “สถานที่ทำกิจกรรม” และ “การตรวจสุขภาพเบื้องต้น” ที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับสูงมาก (X = 4.52, SD = .63 และ X = 4.62, SD. = .54 ตามลำดับ) ดังแสดงในตารางที่ 3
     นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
  :
    บทคัดย่อ
   

ปัจจุบัน ประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทยมีอัตราการเพิ่มอย่างมาก การส่งเสริมสุขภาพในประชากรกลุ่มนี้เพื่อลดภาระด้านการดูแลรักษาและการมีคุณภาพชีวิตที่ดีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้โปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ในเขตเทศบาลตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยศึกษาในกลุ่มสมาชิกชมรมผู้สูงอายุ จำนวน 42 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ในการดูแลตนเองของผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูง โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ การออกกำลังกายซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุหรือแกนนำในชุมชน กิจกรรมสันทนาการ และการจัดการความเครียด สำหรับเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ มีค่า Cronbach’s alpha เท่ากับ .91 และแบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมฯ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ paired t-test

ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้สูงอายุมีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 65.83 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คู่สมรสเสียชีวิตแล้ว มีการศึกษาระดับประถมศึกษา ยังประกอบอาชีพอยู่ และมีโรคประจำตัว ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวมากกว่าหนึ่งโรค ซึ่งโรคที่พบมากได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และกระดูกเสื่อม 2) พฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 10.59, p < .001) และ 3) ความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุโดยรวมอยู่ในระดับสูง

จากผลการวิจัยครั้งนี้สรุปได้ว่าโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุช่วยให้ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพดีขึ้น และผู้สูงอายุมีความพึงพอใจต่อการดำเนินกิจกรรมในโปรแกรมฯ ดังนั้นจึงควรนำโปรแกรมฯ ไปใช้กับผู้สูงอายุกลุ่มอื่นๆ ให้กว้างขวางและต่อเนื่อง นอกจากนั้น ควรนำสาระสำคัญของ การส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุไปบูรณาการกับการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาพยาบาล เพื่อเป็นการเตรียมนักศึกษาในการดูแลผู้สูงอายุต่อไป

คำสำคัญ : การส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ ผู้สูงอายุ

ดาว์โหลดไฟล์บทคัดย่อ :  ดาวน์โหลดไฟล์ 20130710104024.doc
 
  การเผยแพร่งานวิจัยการประชุม
  การเผยแพร่บทความวิจัย  
  การเผยแพร่บทความวิชาการ  
อ้างจากแผนปฏิบัติการ :
     บูรณาการกับโครงการบริการวิชาการ
     ความร่วมมืองานวิจัยกับบุคคลภายนอก
บูรณาการกับรายวิชา :
ปีปฏิทิน :
ปีการศึกษา :
ปีงบประมาณ :
วันที่เริ่ม :    วันที่แล้วเสร็จ :
แหล่งเงินทุน  
ภายใน จำนวนเงิน บาท
ภายนอก จำนวนเงิน บาท ระบุ
รวมจำนวนเงินทุน บาท
   
  ชื่อแฟ้มข้อมูล ขนาดแฟ้มข้อมูล จำนวนเข้าถึง วัน-เวลาเข้าถึงล่าสุด Download
ทั้งหมด 0 รายการ
 
Copyright©Prabormajchannok Instiute of Halth Workforce Development 2009  All rights reserved : Version 7.6